วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มะม่วงสายพันธุ์ใหม่

มะม่วงสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย


  1. มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง

      “ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้เพาะพันธุ์มะม่วงน้ำดอกไม้ชนิดใหม่ที่มีลักษณะพิเศษคือ ลักษณะของผลจะเป็นสีม่วง”  การพัฒนาพันธุ์ของ ศูนย์ย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ไอเดียจากการผสมเกสร ระหว่างมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้เบอร์ 4 ปากน้ำ ซึ่งมีสีเขียวสวยงาม กับ มะม่วงหงจูของไตหวันซึ่งมีสีออกชมพูแดงๆ รวมถึงเมล็ดจากผลสุกหลายเมล็ด ไปเพาะจนโต ปรากฏว่าออกดอกออกผลจนดก ผลเริ่มเป็นสีม่วงตั้งแต่ยังเป็นผลอ่อนๆ และลักษณะของผลก็เหมือนพันธุ์พ่ออย่างน้ำดอกไม้

         ศูนย์การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรฯ ได้ทำการทดสอบมะม่วงสายพันธุ์นี้ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์และพร้อมตั้งชื่อมะม่วงสายพันธุ์นี่ว่า ” มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง “ และพร้อมตอนกิ่งวางขายเพื่อให้คนอื่นไปขยายพันธุ์ต่อไป
        ส่วนผลที่โตเต็มที่มีน้ำหนัก 0.8 – 1.2 กิโลกรัมต่อผล มีรสชาติเปรี้ยวแต่ไม่มากนัก วิธีทานก็เหมือนกับมะม่วงทั่วไป ปอกเปลือก ฝานแล้วจิ้มเกลือหรือน้ำปลาหวานตามที่ต้องการ และถ้าเป็นผลสุกกำลังได้ที่ รสชาติก็จะหวานหอม


     2.  มะม่วงลูกผสมพันธุ์ 'ยู่เหวิน'  

        มะม่วงพันธุ์ “ยู่เหวิน” มีถิ่นกำเนิดที่ไต้หวันและเป็นมะม่วงลูกผสมระหว่างพันธุ์ จินหวง กับมะม่วงพันธุ์ “อ้ายเหวิน” (มะม่วงอ้ายเหวินเป็นมะม่วงสายพันธุ์เดียวกับพันธุ์เออร์วิน) มะม่วงลูกผสมสายพันธุ์นี้ได้มีการนำยอดพันธุ์มาเสียบ ยอดในประเทศไทยประมาณ 4-5 ปีมาแล้ว
       มะม่วงยู่เหวิน อยู่ในวงศ์ ANACARDIACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-20 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาเยอะ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับถี่บริเวณปลายกิ่ง ใบเป็นรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ใบจะ

ดูคล้ายใบของมะม่วงพันธุ์เขียวใหญ่ สีเขียวสด ใบดกให้ร่มเงาดีมาก

       คุณเสน่ห์ ลมสถิตย์ เกษตรกร อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ได้นำมาเผยแพร่ให้เกษตรกรได้ขยายพื้นที่ปลูกเนื่องจากต้น พันธุ์ที่ปลูกในสวนได้เริ่มให้ผลผลิตแล้ว ผลปรากฏว่าเป็นมะม่วงที่มีลักษณะเด่นและรสชาติดี คือ มีผลขนาดใหญ่ น้ำหนักผลเฉลี่ย 1-1.5 กิโลกรัม บริโภคได้ทั้งดิบและสุก ในระยะผลดิบหรือห่ามจะมีรสชาติหวานมัน (ไม่มีเปรี้ยว ปน) ระยะผลสุกเนื้อจะมีรสชาติหวานหอม, ไม่เละ, ไม่มีเสี้ยนและไม่มีกลิ่นขี้ไต้ ที่สำคัญสีของผลมีสีม่วงเข้ม ดึงดูดใจแก่ผู้พบเห็น จัดเป็นมะม่วงแปลกและหายาก ปลูกและให้ผลผลิตได้ ในประเทศไทย



   3.  มะม่วงไต้หวันลูกผสม (T2)


     ปัจจุบันไต้หวันมีพื้นที่ปลูกมะม่วงทั้งประเทศประมาณ 165,000 ไร่ ในขณะที่ตัวเลขพื้นที่ปลูกมะม่วงของไทยที่สำรวจจากกรมส่งเสริมการเกษตรมีถึง 2 ล้านไร่ แต่เป็นที่สังเกตว่ามะม่วงไต้หวันมีการส่งออกไปขายยังตลาดต่างประเทศในปริมาณมากถึง 20,000 ตันต่อปีหรือ 20 ล้านกิโลกรัม โดยเฉพาะประเทศที่รับซื้อมากที่สุดคือญี่ปุ่น ในขณะที่ "มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง" ของไทยมีปริมาณส่งออกไปญี่ปุ่นน้อยกว่าทั้ง ๆ ที่มีพื้นที่ปลูกมากกว่า      โดยสายพันธุ์มะม่วงไต้หวันที่ปลูกเพื่อการส่งออกในปัจจุบันมีอยู่ 2 สายพันธุ์คือ มะม่วงพันธุ์จินหวง และมะม่วงพันธุ์อ้ายเหวิน การผลิตมะม่วงส่งออกไปยังญี่ปุ่นของไต้หวันจะมีการควบคุมการผลิตตั้งแต่การตัดแต่งกิ่ง ตรวจสภาพดิน ดูแลช่วงออกดอก ติดผล และห่อผล เก็บเกี่ยวผลผลิตมีเครื่องอบไอน้ำ เพื่อฆ่าไข่ของแมลงวันทองและคัดเกรดเพื่อส่งออกไปญี่ปุ่นซึ่งแตกต่างจากการส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองของไทยไปญี่ปุ่น ที่มีบริษัทมารับซื้อจากสวนมะม่วงที่เข้าร่วมโครงการ GAP (เกษตรดีที่เหมาะสม) คัดเกรดและนำไปอบไอน้ำเพื่อส่งออก 


  • มะม่วงจินหวง 

    มะม่วงชนิดนี้ เป็นมะม่วงไต้หวัน เกิดจากการผสมเกสรระหว่างมะม่วงจินหวงของไต้หวันที่มีผลขนาดใหญ่ สีสันของผลสวยงามผสมกับเกสรของมะม่วงเขียวใหญ่ของไทย แล้วนำต้นกล้าไปปลูกจนมีดอกติดผล ปรากฏว่า ผลมีขนาดใหญ่ สีสันของผลดิบเป็นสีม่วงทั้งผล ผลสุกเป็นสีแดงน่าชมยิ่ง เนื้อผลแก่จัดมันกรอบปนหวานเล็กน้อย สามารถกินเป็นมะม่วงมันได้ เนื้อสุกเป็นสีเหลืองเข้ม ไม่เละ เนื้อละเอียดเหนียว ไม่มีเสี้ยน ไม่มีกลิ่นขี้ไต้ หวานหอมอร่อยมาก เมล็ดลีบบาง จึงถูกตั้งชื่อว่า “มะม่วงหงส์จินหวง” ชาวไต้หวันนิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย
          เป็นมะม่วงปีหรือติดผลปีละครั้งตามฤดูกาล ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด
  • มะม่วงอ้ายเหวิน 
     เป็นสายพันธุ์มะม่วงที่ไต้หวันมีพื้นที่ปลูกมากที่สุดในปัจจุบันนี้ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ถูกใจคนญี่ปุ่นและส่งออกไปขายญี่ปุ่นมากที่สุดในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ของทุกปี ผลผลิตจะออกมากในช่วงเดือนกรกฎาคม มะม่วงสายพันธุ์นี้จัดเป็นมะม่วงที่มีผลขนาดปานกลาง ความยาวของผลประมาณ 12 เซนติเมตร น้ำหนัก 300 กรัม ต่อผล โดยประมาณ รูปร่างค่อนข้างยาวรีหรือรูปไข่ ติดผลดกมาก ระยะผลดิบจะมีจุดปะสีแดงบริเวณไหล่และแก้มผล ผิวผลสุกมีสีแดงปะสีเลือดนก จัดเป็นมะม่วงรับประทานสุก เมื่อสุกเนื้อมีสีเหลืองทอง ไม่มีเสี้ยน กลิ่นไม่แรง รสชาติหวาน ความจริงแล้วมะม่วงพันธุ์เออร์วินนิยมบริโภคกันทั่วโลก

  4.  มะม่วงแก้วขมิ้น
              
      มะม่วงแก้วขมิ้น เป็นไม้ยืนต้นสูง 10-15 เมตร ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับรอบกิ่งก้านหนาแน่นบริเวณปลายยอด ใบเป็นรูปรี ปลายแหลม โคนมน เนื้อใบค่อนข้างหนา เวลาใบดกจะให้ร่มเงาดีมาก ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก เป็นสีเหลืองนวล ดอกมีกลิ่นหอม "ผล" รูปกลมรี ขนาดผลใหญ่ และมีความแตกต่างจากผลมะม่วงแก้วของไทยอย่างชัดเจน ผลโตเต็มที่น้ำหนักเฉลี่ย 2-3 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม (บางผลหนักถึง 500 กรัม) เมล็ดลีบบาง มีเนื้อเยอะ รสชาติอร่อยทั้งดิบและสุกตามที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยการทาบกิ่ง

      ความจริงแล้วมะม่วงชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกัมพูชาช่วงที่มีการนำผลผลิตมาขายในบ้านเราใหม่ๆ เรียกมะม่วงแก้วเขมร ปัจจุบันนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว มีความพิเศษคือ เป็นมะม่วงปลูกรับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก ผลมีขนาดใหญ่กว่ามะม่วงแก้วของไทยอย่างชัดเจน เป็นมะม่วงติดผลดกได้ปีละ 2 ครั้ง เนื้อผลแก่จัดหรือสุกเมื่อผ่าจะเป็นสีเหลืองเข้มคล้ายสีของขมิ้น จึงถูกเรียกชื่อว่า "มะม่วงแก้วขมิ้น" รสชาติช่วงผลดิบสับเป็นชิ้นๆ จิ้มเกลือพริกป่น หรือรับประทานกับน้ำปลาหวานกรอบมันปนเปรี้ยวและหวานเล็กน้อย ฉ่ำน้ำ เนื้อไม่แข็งหยาบกระด้าง หรือเหนียวเหมือนมะม่วงรับประทานผลดิบบางสายพันธุ์

 5. มะม่วงพันธุ์เคนซิงตัน ไพรด์
     มะม่วงที่ปลูกมากที่สุดในออสเตรเลีย หลายคนยังไม่ทราบว่ามะม่วงพันธุ์อาร์ทูอีทูเป็นมะม่วงของประเทศออสเตรเลียที่ปลูกและให้ผลผลิตได้ในประเทศไทย มีจุดเด่นตรงที่ถ้าออกดอกแล้วช่อดอกใหญ่และดอกสมบูรณ์เพศทำให้มีการติดผลได้ง่ายมาก หรืออาจจะกล่าวง่ายๆ ว่าถ้าออกดอกแล้วโอกาสติดผลมีสูงมาก ในขณะที่พื้นที่ปลูกมะม่วงในประเทศออสเตรเลียเองจะมีการปลูกมะม่วงหลักๆ อยู่ 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ "เคนซิงตัน ไพรด์" (Kensington Pride) และพันธุ์ "อาร์ทูอีทู" (R2E2)


    ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า คนออสเตรเลียนิยมบริโภคมะม่วงพันธุ์เคนซิงตัน ไพรด์ มากที่สุด ผลผลิตมะม่วงสายพันธุ์นี้มีผลผลิตเฉลี่ยประมาณปีละ1.65 ล้านกิโลกรัม มีผลผลิตในแต่ละปีมากกว่ามะม่วงอาร์ทูอีทูที่ปลูกในออสเตรเลียหลายเท่า คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักมะม่วงสายพันธุ์นี้ ทั้งที่มะม่วงพันธุ์ "เคนซิงตัน ไพรด์" จัดเป็นมะม่วงที่มีเนื้อละเอียดและรสชาติหวานอร่อย มีกลิ่นหอมมาก ไม่มีกลิ่นขี้ไต้และสามารถปลูกให้ผลผลิตดีในประเทศไทย มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 300-500 กรัม ต่อผล ในอนาคตมะม่วงพันธุ์เคนซิงตัน ไพรด์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์มะม่วงที่ปลูกมากที่สุดในออสเตรเลียจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการส่งออกมะม่วงไทย เพราะตอบสนองต่อการใช้สารแพคโคลบิวทราโซลในการบังคับให้ออกนอกฤดูได้เป็นอย่างดี

อ้างถึง
มะม่วงน้ำดอกไม้สีม่วง    http://food.mthai.com
มะม่วงลูกผสมพันธุ์ 'ยู่เหวิน'   http://alangcity.blogspot.com/
มะม่วงไต้หวันลูกผสม (T2)
มะม่วงแก้วขมิ้น 
มะม่วงพันธุ์เคนซิงตัน ไพรด์ 
 http://info.matichon.co.th


วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มะม่วงไทย

มะม่วงไทย 

         มะม่วง เป็นไม้ยืนต้นในสกุล Mangifera ซึ่งเป็นไม้ผลเมืองร้อนในวงศ์ Anacardiaceae 
เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดียเพราะการที่ภูมิภาคนั้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรมและร่องรอยฟอสซิลที่หลากหลายะม่วงมีความแตกต่าง
ประมาณ49สายพันธุ์กระจายอยู่ตามประเทศในเขตร้อนตั้งแต่อินเดียไปจนถึงฟิลิปปินส์จากนั้นจึงแพร่หลายไปทั่วโลก 
  • เป็นไม้พุ่มขนาดกลางใบโตยาวปลายแหลมขอบใบเรียบใบอ่อนสีแดงออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกขนาดเล็ก สีขาว ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีเหลือง เมล็ดแบน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง
  • มะม่วงเป็นผลไม้เศรษฐกิจ ปลูกเป็นพืชสวนประเทศไทยส่งออกมะม่วงเป็นอันดับ3รองจากฟิลิปปินส์และเม็กซิโกเป็นผลไม้ประจำชาติของอินเดียปากีสถานและฟิลิปปินส์รวมทั้งบังกลาเทศ    
หมวด:
ชั้น:
อันดับ:
วงศ์:
สกุล:
สปีชีส์:
M. indica
Mangifera indica


        1. สายพันธุ์มะม่วงในไทย
         มะม่วงมีพันธุ์มากมายดังที่ปรากฏในหนังสือพรรณพฤกษาของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ที่กล่าวถึงมะม่วงในสมัยรัชกาลที่ 5 ไว้กว่า 50 พันธุ์   แต่สามารถแบ่งพันธุ์มะม่วงตามการบริโภคได้เป็น 3 ประเภทคือ

  • มะม่วงรับประทานผลสุก ผลของมะม่วงรับประทานสุกนี้ขณะดิบจะมีรสเปรี้ยวมาก แต่พอเริ่มสุกแป้งในเนื้อมะม่วงจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล พอสุกได้ที่รสจะหวานอร่อย ตลาดโลกส่วนใหญ่รู้จักแต่มะม่วงรับประทานสุกนี้ทำให้เป็นที่นิยมมาก ซึ่งพันธุ์ของมะม่วงรับประทานสุกในไทยมีเช่น อกร่อง แรด ตะเพียนทอง โชคอนันต์ เป็นต้น
  • มะม่วงรับประทานผลดิบ ผลของมะม่วงรับประทานผลดิบสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่ยังไม่แก่จนถึงแก่จัด แต่ไม่เป็นที่นิยมในตลาดโลกมากนักเพราะผู้คนยังยึดติดกับการรับประทานมะม่วงสุก ซึ่งพันธุ์มะม่วงรับประทานดิบในไทยมีเช่น เขียวเสวย ฟ้าลั่น แก้วลืมรัง น้ำดอกไม้มัน เป็นต้น
  • มะม่วงเพื่ออุตสาหกรรมการแปรรูป ผลมะม่วงอาจสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้เช่น มะม่วงดอง แยมมะม่วง มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงกวน มะม่วงสามรส เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่ามะม่วงทุกสายพันธุ์จะสามารถนำไปทำผลิตภัณฑ์ทุกอย่างได้ แต่ละพันธุ์ก็สามารถแปรรูปได้ต่างกัน เช่น การดองมะม่วงจะนิยมใช้มะม่วงที่มีเนื้อแน่น คือ มะม่วงแก้ว เป็นต้น


      2. สายพันธุ์มะม่วงที่นิยมบริโภค

  • มะม่วงน้ำดอกไม้
      มะม่วงไทยจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์มะม่วงน้ำดอกไม้ และมีชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ “Golden mongo”  “Yellow mango” มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นที่รู้จักและนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นในปัจจุบัน โดยเฉพาะน้ำดอกไม้สีทอง และน้ำดอกไม้เบอร์ 4 มีรูปทรงไข่แบน เปลือกบางผิวและเนื้อสีเหลือง มีจุดเด่นที่ สีผิวเหลืองนวลสวยงาม เนื้อแน่น นุ่มเป็นเสี้ยนเล็กน้อย มีเนื้อมาก เมล็ดบาง รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย  เหมาะการรับประทานสุก แต่มีผิวบาง ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ผลดิบจะมีรสเปรี้ยวมาก รับประทานเป็นมะม่วงดิบ หรือทำสลัดได้ 


  • มะม่วงมหาชนก
มหาชนกเป็นมะม่วงพันธุ์ผสมระหว่างมะม่วงหนังกลางวัน และมะม่วงซันเซท ผลมะม่วงมหาชนกมีรูปร่างยาวเรียวรี เหมือนงาช้าง  เปลือกค่อนข้างหนา น้ำหนักผลประมาณ  300 – 600 กรัม/ผล เมื่อสุกมีกลิ่นหอมจัด เนื้อสีส้มอมเหลือง มีกลิ่นขี้ไต้ ผลสุก รสหวานหอม มีกลิ่นหอมฉุนขี้ไต้เล็กน้อย และกลิ่นฉุนเพิ่มขึ้นเมื่อสุกแก่จัด รสหวานอ่อนกว่าน้ำดอกไม้และไม่อมเปรี้ยว เนื้ออ่อนนุ่ม ปริมาณเนื้อมาก เมล็ดบาง เหมาะกับการรับประทานสุก และนำทำน้ำมะม่วง ขนมหวาน และไอศครีม ผลดิบมีรสเปรี้ยว 

  • มะม่วงหนังกลางวัน
        เป็นมะม่วงพันธุ์หนึ่งที่เคยเป็นที่นิยมผลิตส่งออกต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น ผลมีขนาดปานกลางถึงใหญ่ ลักษณะของผลมีรูปร่างยาวพอๆ กับมะม่วงน้ำดอกไม้ หัวท้ายของผลงอน แต่ส่วนปลายจะแหลมและงอนเล็กน้อย ผิวของผลเมื่อแก่จัดจะมีสีเขียวหม่น ผิวเรียบ เนื้อสีขาวนวลละเอียด กรอบ มีเสี้ยนค่อนข้างน้อย รสเปรี้ยว ผลสุกจะมีผิวสีเหลืองทอง เนื้อสีเหลือง ลักษณะของเนื้อละเอียดมีเสี้ยนน้อย รสหวานหอม เมล็ดบาง เปลือกของผลหนาทำให้ขนส่งได้ดี ภาคเหนือเรียกว่า มะม่วงงา บางแห่งเรียกมะม่วงแขนอ่อน



  • มะม่วงแรด 
       มะม่วงแรดมีผลรูปไข่กลม ปลายงอนแหลมมนตรงใกล้ขั้วจะมีติ่งยื่นออกมาคล้ายนอแรดผิวเปลือกสีเขียวเข้ม เปลือกหนาเหียว เมื่อดิบมีสีเขียวอมเหลือง เนื้อสีเหลืองอมเขียว เนื้อหยาบ มีเสี้ยน ผลดิบมีรสเปรี้ยว ผลสุกมีรสหวานอมเปรี้ยว เหมาะสำหรับการรับประทานดิบ ทำสลัด ยำมะม่วง




  • มะม่วงเขียวเสวย
  เป็นมะม่วงที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน ผลใช้รับประทานดิบคุณภาพดีมาก รสชาติหวานตรงกับความต้องการของคนไทยผลมีลักษณะค่อนข้างกลมเรียวยาวงอนเล็กน้อย โดยมีส่วนหัวใหญ่หนาและเรียวลงสู่ส่วนปลาย ผลสีเขียวเข้ม เนื้อภายในมีสีขาวละเอียด กรอบ มีเนื้อมาก เสี้ยนค่อนข้างน้อย น้ำหนักของผลประมาณ 350 กรัม เมื่ออ่อนจะมีรสเปรี้ยว เปลือกหนาและเหนียว เมื่อแก่จัดจะมีรสหวานมัน เมื่อสุกเปลือกจะมีสีเขียวปนเหลืองลักษณะของเนื้อภายในเหลืองรสหวานชืด  


  • มะม่วงอกร่องทอง 
   เป็นพันธุ์มะม่วงที่เก่าแก่รู้จักกันทั่วไป ใช้สำหรับรับประทานสุกกับข้าวเหนียวขนาดผลค่อนข้างเล็ก ลักษณะของผลค่อนข้างแบน ตรงส่วนท้องเป็นทางยาวจนเห็นได้ชัด ผลดิบเนื้อละเอียดสีขาวนวล มีเสี้ยนน้อย รสเปรี้ยวจัดจนกระทั่งแก่ เมื่อสุกผิวของเปลือกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองมีกลิ่นหอม เนื้อสีเหลืองละเอียด รสหวานจัด เมล็ดมีลักษณะยาวแบน


  • มะม่วงทองคำ

  ผลมีขนาดโตปานกลาง ลักษณะของผลจะหนา ป้อมปลายผลแหลมคล้ายรูปไข่ เมื่อดิบเปลือกสีเขียวเข้ม เนื้อสีขาวปนเหลือง เนื้อละเอียดกรอบ ผลเมื่อยังอ่อนอยู่จะมีรสเปรี้ยว แก่จัดรสมันอมเปรี้ยว ผลสุกผิวเปลือกสีเหลืองปนเขียว เนื้อสีเหลืองละเอียดมีเสี้ยนน้อย รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย




  • มะม่วงแก้ว 
   เป็นมะม่วงใช้รับประทานดิบ และใช้แปรรูป ได้หลากหลาย ผลมีลักษณะอ้วนป้อม ขั้วผลอูมใหญ่ เปลือกเหนียว เมื่อดิบผิวมีสีเขียวอ่อน เนื้อมีสีขาวรสเปรี้ยว เมื่อแก่เปลือกมีสีเขียวเข้ม และอมเหลืองส้มเมื่อแก่จัด  เนื้อเป็นสีเหลือง เมื่อสุกรสจะหวาน หอม




                                                                   

  • มะม่วงโชคอนันต์ 
 เป็นมะม่วงรับประทานสุก มีผลผลิตลอดทั้งปีแม้กระทั่งในฤดูฝน ลักษณะของผลคล้ายมะม่วงพิมเสนมัน เปลือกผลหนา เนื้อแข็ง เมื่อสุกเนื้อแน่นละเอียดไม่มีเสี้ยน เนื้อสีเหลืองทอง มีกลิ่นคล้ายมะม่วงสามปี รสชาติหวาน เมล็ดลีบหรือเมล็ดบาง ผลสุกแล้วสามารถเก็บไว้ได้นาน 5-7 วัน โดยที่เนื้อยังไม่เละ ผลแก่เก็บทิ้งไว้ 15 วันก็ยังทานได้



  • มะม่วงฟ้าลั่น 
   เป็นมะม่วงที่นิยมรับประทานดิบ ในกลุ่มมะม่วงมัน รสมัน และไม่อมหวาน เนื้อขาวอมเขียว เวลาปอกจะมีเสียงแตก เป็นที่มาของชื่อฟ้าลั่น








อ้างถึง  
มะม่วงไทย                         http://th.wikipedia.org/wiki
สายพันธ์ุมะม่วงในไทย       https://ciripanya5651.wordpress.com
สายพันธุ์มะม่วงที่นิยมบริโภค  http://www.thaiembassy.jp/rte3/index.php


นางสาวศิปางค์   เจนกระบี่  มัธยมศึกษาปีที่ 6/3 เลขที่ 22